|
|
|
|
แจงชัดแค่ตามเรื่องแต่ไม่มีเอี่ยวขาย 'สาลิกาดง' ล่มรัฐบาลผู้ดีปัดเจ้าชายซาอุฯวอนนายกฯช่วยปิดดีล
- (มีภาพ)
|
|
|
|
สยามกีฬา | 30 เม.ย. 2564 | หน้า 7 | PR Value THB 261,954.00 |
|
|
|
|
|
รัฐบาลแห่งสหราชอาณาจักร ออกโรงปฏิเสธว่าไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับกรณีกลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบียประสบความล้มเหลวในการยื่นข้อเสนอขอซื้อกิจการสโมสรนิวคาสเซิ่ลยูไนเต็ด เมื่อปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ทางการเมืองผู้ดียอมรับว่ามีการพบปะหารือกันระหว่างกระทรวงการต่างประเทศกับพรีเมียร์ลีก อังกฤษ แต่ก็ยัง ยืนยันอย่างชัดเจนด้วยว่าการเจรจาซื้อ-ขายกิจการใด ๆ ก็ตามเป็นเรื่องระหว่างทั้งสองฝ่ายที่ จะต้องไปตกลงกันเอาเองเท่านั้น ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นตามมาภายหลัง เดลี่ เมล (Daily Mail) หนังสือพิมพ์ดังของอังกฤษรายงานว่า บอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีแห่งสหราชอาณาจักรได้รับการติดต่อหลังจากที่ข้อตกลงมูลค่า 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 12,900 ล้านบาท) มีอันต้องประสบกับความยุ่งยากลำบากอย่างที่สุด โฆษกรัฐบาลเมืองผู้ดีกล่าวว่า "ใน ขณะที่เรายินดีต้อนรับการลงทุนจากนอกประเทศ นี่คือประเด็นทางการค้าสำหรับฝ่ายที่เกี่ยวข้อง และรัฐบาลไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นเกี่ยวกับการเจรจาซื้อ-ขายกิจการนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด" อย่างไรก็ตาม "สาลิกาดง" และ พรีเมียร์ลีก ต่างปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับข่าวดังกล่าว กลุ่มทุนที่ดินแดนเศรษฐีน้ำมันหนุนหลัง ซึ่งประกอบไปด้วย กองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะ (Public Investment Fund) หรือ พี่ไอเอฟ (PIF), พีซีพี แคปปิตอล พาร์ตเนอร์ส (PCP Capital Partners) และ รูเบน บราเธอร์ส (Reuben Brothers) จับมือตกลงซื้อ "เดอะ แม็ก-พายส์" จาก สปอร์ตส์ ไดเรกต์ (Sports Direct) ห้างกีฬาของ ไมค์ แอชลี่ย์ เป็นที่เรียบร้อยแล้วตั้งแต่เมื่อเดือนเมษายน 2020 การเทกโอเวอร์มีอันต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดยิบภายใต้ประเด็นการเป็นเจ้าของ และผู้บริหารโดยพรีเมียร์ลีก ในแง่ที่ว่า เจ้าชาย โมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน แห่งราชวงศ์ซาอุดีอาระเบีย มีอิทธิพลอย่างไรหรือไม่เกี่ยวกับการเข้ามาเป็นเจ้าของทีมดังผู้ดีอีสาน เดลี่ เมล รายงานว่าเจ้าชายซาอุฯทรงส่งจดหมายถึง จอห์นสัน ในทำนองว่า พระองค์ทรงคาดหวังว่าพรีเมียร์ลีกจะพิจารณาทบทวนแก้ไขบทสรุปที่ผิดพลาดให้ถูกต้องในประเด็นที่ว่าพระองค์จะทรงเข้ามามีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงานของสโมสร ทำเนียบรัฐบาลยืนยันว่า จอห์นสัน ได้ขอร้อง ลอร์ด ยูดนี่ย์-ลิสเตอร์ ผู้เชี่ยวชาญตะวันออกกลาง และผู้ช่วยที่ร่วมงานกันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยยังเป็นนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอนให้ช่วยตรวจสอบความก้าวหน้าของการเจรจา แต่ไม่ได้ขอร้องให้เข้ามาแทรกแซงแต่อย่างใดทั้งสิ้น กลุ่มทุนดังกล่าวซึ่งบรรยายตัวเองว่า "นักลงทุนทางการค้าอย่างบริสุทธิ์และเป็นอิสระ" ได้ขอถอนตัวจากข้อตกลงดังกล่าว ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมกับตำหนิ "กระบวนการที่ไม่อาจคาดเดาอันยาวนาน" ของพรีเมียร์ลีก สำหรับการล่มสลายของการซื้อ-ขายสโมสรในครั้งนี้ ก่อนหน้านี้พรีเมียร์ลีกระบุว่าคณะ กรรมการบริหาร "พิจารณากันมาแล้วหลาย ครั้งเกี่ยวกับนิติบุคคลที่เชื่อว่าจะมีอำนาจ ควบคุมดูแลสโมสร" ถ้ากลุ่มทุนนี้จะเดินหน้า ทำข้อตกลงต่อไป ภายหลังเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันดังกล่าว แอชลี่ย์ ออกอาการไม่พอใจอย่างมากถึงกับดำเนินการทางกฎหมายกับ พรีเมียร์ลีก เกี่ยวกับกรณีพิพาทเรื่องข้อเสนอขอซื้อกิจการ สโมสรตนเอง พร้อมกับกำลังพยายามจะตั้ง อนุญาโตตุลาการเพื่อชำระสะสางข้อขัดแย้งดังกล่าวกันเลยทีเดียว ระหว่างการไปให้ปากคำกับคณะกรรมาธิการที่จัดตั้งโดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในเดือนเมษายน 2020 โอลิเวอร์ ดาวเดน รัฐมนตรีกระทรวงวัฒนธรรม สื่อ และกีฬา กล่าวว่าเป็นเรื่องของ พรีเมียร์ลีก เท่านั้นที่จะประเมินความเป็นไปได้ในการเข้ามาครอบครองสโมสรฟุตบอลภายใต้การกระบวนการตรวจสอบเจ้าของและผู้บริหารขององค์กรเอง ก่อนหน้านี้ เจมส์ เคลฟเวอร์ลี่ย์รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศ เคยกล่าวว่า มีการประชุมเสมือนจริงสองครั้งระหว่างกระทรวงการต่างประเทศและเครือจักรภพกับพรีเมียร์ลีกเกี่ยวกับการเทกโอเวอร์ "สาลิกาดง" ประเด็นดังกล่าวก่อให้เกิดการโต้แย้งกันอย่างกว้างขวางในแง่ที่ว่าบริษัทเอกชน พยายามจะเข้ามามีอิทธิพลต่อคณะรัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่ แอชลี่ย์ ยังคงหวังจะรีบขายทีมของตัวเองออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และ เคยให้สัมภาษณ์กับ สกาย สปอร์ตส์ (Sky Sports) สื่อกีฬาดังเมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า สโมสร จะต่อสู้แบบ "ถึงพริกถึงชิง" เพื่อไขว่คว้าสิ่งที่สโมสร "สมควรจะได้รับ" ให้จงได้ ถึงตอนนี้ เดลี่เมล ระบุว่ากลุ่มทุนดังกล่าวได้ย้อนกลับมาเดินเรื่องซื้อ นิวคาสเซิ่ล อีกครั้งแล้ว โดยคาดว่าผลการไต่สวนโดยอนุญาโตตุลาการอิสระที่มีคู่กรณีคือพรีเมียร์ลีก ที่ประสบความสำเร็จ น่าจะนำไปสู่การปิดดีลต่อ ไปได้ในไม่ช้านี้ พร้อมกันนั้น เดลี่ เมล ยังเพิ่งจะรายงานข่าวเมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมาว่า แอชลี่ย์ ได้สั่งปิดกิจการร้านค้าปลีกของสโมสร ณ สนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค ซึ่งจะทำให้พนักงานทั้งหมดต้องพ้นจากหน้าที่การงาน โดยคาดว่าเป็นการดำเนินการที่เป็นไปตามข้อตกลงกับกลุ่มทุนชาอุฯ ที่กำลังจะก้าวเข้ามาครอบครองกิจการแทนตนเองต่อไปในเร็ววันนี้ ร้านค้าดังกล่าวปัจจุบันเป็นของ สปอร์ตส์ ไดเรกต์ แต่หากเป็นไปตามข้อตกลงดังกล่าวแล้ว ก็จะต้องคืนสิทธิ์ในส่วนนี้กลับคืนไปให้กับสโมสร ในขณะที่ร้านจำหน่ายสินค้าที่ไม่ จำเป็นยังคงเปิดขายของไม่ได้ในช่วงเวลานี้ ก็เลยดูเหมือนว่าคงจะต้องปิดทำการต่อไปเพื่อ ปรับปรุงกิจการรองรับเจ้าของใหม่ไปโดยปริยาย |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|